สวัสดีครับ มาพบกันอีกครั้ง วันนี้เรามาคุยกันหน่อยแล้วกันถึงฟุตบอลวิถีใหม่ หลายๆอย่างนั้นอาจเปลี่ยนไป คำว่า ฟุตบอลกลับมาแล้ว นี่คือสิ่งที่แฟนทั่วโลกพูดถึงอย่างมากมายในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กับการกลับมาอีกครั้งของบุนเดสลีกาเยอรมัน คือลีกแรกใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรป (ย้ำอีกครั้งว่าลีกเอิง ฝรั่งเศสตัดจบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว)ที่มีการกลับมาเตะอีกครั้ง ฟุตบอลเยอรมันอาจไม่เป็นที่แพร่หลายเท่าไรในไทยแม้จะมีถ่ายในฟรีทีวีก็ตามที และสามาถหาดูได้ง่ายซะยิ่งกว่าง่ายเพราะเขาถ่ายทอดอย่างน้อยๆก็ 2 เกมต่อสัปดาห์ แต่จะแฟนบอลลีกไหน พรีเมียร์ลีกอังกฤษ,กัลโช่เซเรียอา หรือลาลีก้าของฝั่งสเปน แต่เมื่อมันมีบอลก็ต้องดูแหละน่าใช่ไหมละทุกคน ? เอาจริงๆตอนนี้อยากให้เพื่อนๆลองเลือกๆทีมไปก่อนก็แล้วกัน ว่าอยากจะวางใจเชียร์ทีมไหนไปพลางๆช่วงนี้ระหว่างที่ยังไม่มีทีมรักของเพื่อนๆกลับมาเตะกันอีกครั้ง จะเป็นบาเยิร์น มิวนิค มหาอำนาจของฟุตบอลเยอรมัน,โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เกมรุกสนุกสนาน และสุดมุนส์,อาร์แบ ไลปซิก ทีมที่รวมยอดดาวรุ่ง หรือโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัคที่เป็นทีมรองแต่ก็ขึ้นมาลุ้นแชมป์ในฤดูกาลนี้ก็ตามที เพราะไม่นานเกินรอเดี๋ยวทีมรักของเพื่อนๆก็จะกลับมาเตะกันแล้วในปีนี้นี่แหละ เพราะถ้าเราไปดูแนวโน้มจริงๆแล้วลีกอังกฤษน่าจะเป็นลีกต่อไปจากนี้ที่จะกลับมาฟาดแข้งกันอีกครั้ง ก่อนจะไปถึงสเปน และอิตาลี่ ก็ขอให้เพื่อนๆภาวนาก็แล้วกันนะว่าบุนเดสลีก้าจะทำทุกอย่างสำเร็จไปด้วยดีก็แล้วกัน

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีเกมมากมายที่หลายท่านได้รับชม ผมว่าหลายดูเกม เรเวียดาบี้มีแมทช์ระหว่าง โบรุสเซียดอร์ทมุนด์ กับ ชาลเก้ 04 ที่จบลงไป 4-0 เกมที่ถูกขีดเส้นใต้ว่า ชนะกันด้วยความฟิตและคุณภาพที่เหนือกว่า ชาลเก้ที่ปกติปีนี้มักมีลูกฮึดด้วยวิธีการเล่นของพวกเขาเองด้วย เพราะเป็นทีมที่วิ่งกันค่อนข้างเยอะ แต่พอหายไปนาน ฟอร์มยังไม่ติด ต้องมาเร่งเครื่องกันใหม่ ก็หงอยเหมือนกับแฟนบอลที่ไม่ได้ดูบอลมา 2 เดือนเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามยังเป็นเกมที่สนุกอยู่ดีด้วยวิธีการเล่น แม้ว่าฝั่งเสือเหลืองดอร์ทมุนด์จะสนุกอยู่ฝ่ายเดียวและเก็บ 3 แต้มล่าแชมป์กับเสือใต้กันต่อไป หรืออาจจะเป็นเกมที่ อาร์แบ ไลป์ซิกเกือบโดน ไฟร์บวก เซอไพรซ์ถึงบ้าน เพราะทำแต้มหล่น เสมอไปซะอย่างนั้น เกมนี้หลายคนก็น่าจะได้ดูโดยเฉพาะแฟนๆหงส์แดงที่ตามดูฟอร์มกองหน้าเบอร์ 1 ของเยอรมันอย่าง ติโม แวเนอร์ แต่กลับไม่ได้โชว์อะไรเท่าที่ควร เกือบโดนผู้มาเยือนเล่นงานคาบ้านซะด้วย รวมถึงเกมที่บาเยิร์นไปเยือนอูนิโอนเบอลิน ที่ก็มีปัญหาแค่ราว 20 นาที เพราะว่ายังฟิตไม่ได้เต็มร้อยสักเท่าไร แต่กลับกันฝั่งอูนิโอนก็ใส่เต็มก่อนเลย 20 นาทีแรกก่อนที่จะเริ่มหมดในท้ายที่สุด ก่อนเสือใต้มายิงได้ 2 ลูกนำจ่าฝูงต่อไปในท้ายที่สุดหนีทีมตามอย่างดอร์ทมุนด์ต่อไป ก่อนจะต้องมาเจอกันในสัปดาห์หน้า

ที่เราพูดๆไปในช่วงแรกนั่นอาจไม่ใช่ประเด็นหลักจริงๆที่เราจะมาคุยกันในวันนี้ เพราะเรื่องหลักๆที่เราจะมาคุยกันในวันนี้คือเรื่องของ New Normal ความปกติรูปแบบใหม่ คือคำแปลตรงๆของมัน New Normal คือคำยอดฮิตที่ถูกใช้ในช่วงโควิด-19 เริ่มตั้งแต่การเดินทางเข้าสนาม ถ้าหากใครได้นั่งดูช่วง pre match ถ้าเราได้เห็นกัน รถบัส 2 สโมสรที่จะแข่งกัน โดยต่อ 1 สโมสรจะมีนรถบัส 2 คัน และใน 2 คันจะมีคันละ 11 คนเพื่อที่ว่าถ้าคันหนึ่งโดนพบเชื้อ อีกคันจะมาทดแทนกันได้ โดยระหว่างนั้นแน่นอนว่าจะใส่แมสตลอดด้วยนะ ต่อมาเราพาทุกๆท่านเข้าสู่สนามกัน ในสนามจะมีทั้งหมดไม่เกิน 323 คน รวมทีมงานต่างๆ ทั้งเรื่องโปรดักชั่นต่างๆ หรือสต๊าฟโค้ช และเจ้าหน้าที่แพทย์อีกด้วย ส่วน กุนซือคุมข้างสนาม แล้วแต่เลยจะใส่หรือไม่ใส่แมส แต่ต้องอยู่ในพื้นที่โซนของตัวเอง เพราะทางด้านกุนซือต้องสั่งลูกทีมตลอดหากใส่แมสก็อาจจะเป็นการลำบากได้เหมือนกัน เพียงแต่ต้องอยู่ในโซน คือเราจะเห็นบางคนใส่บ้างไม่ใส่บ้างก็ตามถนัดกันไป แต่ก่อนเกมก็ใส่กันเป็นปกติอยู่แล้ว

มาต่อกันกับเกมการแข่งขัน ห้ามสัมผัสร่างกายคือสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว การแตะมือจะหายไป จะเปลี่ยนเป็นการแตะด้วยเท้า แทนการจับมือ อย่างที่เราเห็นโทมัส มึลเลอ และ ฮันซี่ฟลิคเมื่อวานนี้จนโดนเอาไปเป็นภาพฮาๆว่านั่นกุนซือนะโว้ยเอ็งจะทำแบบนี้ไม่ได้ แต่เอาจริงๆก็ตามกฎเขานั่นแหละ ว่าห้ามแตะมือกัน ส่วนของในการประทะ ทุกอย่างเป็นปกติหมด เป็นฟุตบอลปกติเลยแหละ เพียงแต่ว่าพอมีสถิติออกมาล่าสุดก็ทำให้เห็นชัดเจนว่าการเข้าประทะของนักเตะทั้ง 2 ฝั่งในแต่ละเกมในบุนเดสลีกาถือว่าน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้ ในส่วนของการดีใจอันนี้มีหลายเคส เช่นท่าดีใจของฮาแลนด์ อันนี้ถูกตาม Social distancing อยู่แล้ว เพราะทำตัวห่างๆกับเพื่อนไว้ แต่ก็จะมีกรณีของแฮธ่า เบอลิน ที่เจ้าโบยาต้า ที่ดันไปจุ๊บ กรุนยิส ที่ดูจะไม่ค่อยดีเท่าไร อย่างไรก็ตามลีกฟุตบอลเยอรมันประกาศแล้วว่าจะมีการเตือนกันเท่านั้นเพราะเรื่องแบบนี้มันห้ามกันยากเหลือเกิน และอีกสิ่งที่อาจไม่เกี่ยวกับเรื่องโรค Covid-19 โดยตรงคือการเปลี่ยนตัวจะเปลี่ยนได้ 5 คนตามที่ IFAB ประกาศ และมีการประชุมเรียบร้อยไปแล้วกับลีกฟุตบอลเยอรมัน แต่จะเปลี่ยนได้ 3 ครั้งเพื่อเป็นการให้ไม่มีถ่วงเวลา ก็เกิดขึ้นไปแล้ว โดยเป็นชาลเก้ 04 ที่เป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ของโลกฟุตบอลที่เปลี่ยนตัวครบ 5 คน หลังเกม และการสัมภาษณ์ละเป็นยังไง? การสัมภาษณ์จะเป็นการสัมภาษณ์แบบระยะไกล มีไมค์ขายาวๆคล้ายตะบองหงอคง เว้นระยะห่างคนถือไมค์กับโค้ชหรือนักเตะที่ให้สัมภาษณ์ หรือการสัมภาษณ์กับสื่อเจ้าต่างๆก็จะเป็นการออนไลน์ทั้งหมด และแน่นอนสิ่งที่ลืมไม่ได้คือแฟนบอล แฟนบอลจะต้องอยู่บ้านเสพความสุขแบบมีระยะห่างกับทีมรักของตัวเอง โดยแต่ละทีมก็มีวิธีการแก้เหงา ลดระยะห่าง แฟนบอลกับนักเตะต่างกันออกไป กลัดบัคเป็นที่ถูกพูดถึงมากกับการเอารูปแฟนบอลไปแปะๆอยู่ในสนาม เราจะได้เห็นจริงๆที่โบรุสเซียปาร์คในสัปดาห์หน้า โคโลญได้รับเสื้อและผ่านพันคอจากแฟนบอล โดยสตาฟจัดเรียงเป็นรูป FC ตามที่แฟนบอลขนานนามพวกเขาว่า เอฟเซ หรือจะเป็นดอร์ทมุนด์ที่หลังจบเกมยังคงไปขอบคุณแฟนบอลที่อัฒจรรย์แม้ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นก็ตาม

ทั้งหมดนี้แหละครับคือฟุตบอลวิถีใหม่ แปลกตา เข้าใจได้ถ้าใครรู้สึกไม่สนุกกับมัน แต่แน่ใจหรอว่าคุณอยากพลาดช่วงเวลาประวัติศาสตร์แบบนี้ ? นี่แหละฟุตบอลวิถีใหม่ อาจจะแปลกตาเราไปสักหน่อย แต่ดีต่อใจกับชาวโลกมากๆเลย กับการต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 แบบนี้ รักษาสุขภาพกันด้วยละ อย่าป่วยไปซะก่อนเพราะบอลมีเตะอีกเยอะ ไปและ บาย…